• Homepage
  • >
  • Environment
  • >
  • เมนูที่ไม่ค่อยจะเป็นเมนูจากพืชที่แท้จริงเท่าไหร่เลย … ของสตาร์บัคส์เมืองไทย

เมนูที่ไม่ค่อยจะเป็นเมนูจากพืชที่แท้จริงเท่าไหร่เลย … ของสตาร์บัคส์เมืองไทย

เมื่อการนำคำว่า “จากพืช” มาใช้ในเชิงการตลาดเพียงเพื่อเป็นลูกเล่นในการสร้างรายได้อย่างเดียว และเป็นการทำโดยกลุ่มผู้คนที่มิได้มีความเข้าใจอย่างแท้จริงในเรื่องของผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือผลกระทบอย่างอื่นอีกมากมายจากการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ ความหมายของคำว่า พลานท์เบสต์ หรือ “จากพืช” ก็สูญหายไปกับลูกเล่นการตลาดเหล่านี้ไปด้วยเช่นกัน รวมถึงเป้าหมายในการรณรงค์เรื่องแบบนี้กลายเป็นเรื่องรองในทันที และในกรณีนี้ก็ทำให้จุดประสงค์หลักของวิถีชีวิตจากพืชถูกลืมไปอย่างสิ้นเชิง

เราจะต้องหันหน้าเข้ามาคุยกันเรื่องพลานท์เบสต์ และการนำคำนี้มาใช้ในทวีปเอเชียกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ ซึ่งเป็นหัวข้อที่จริงๆแล้วเราทั้งสองคนมีความต้องการที่จะพูดถึงมาสักพักแล้ว และเมื่อเราได้มีประสบการณ์แปลกๆที่สตาร์บัคส์ในกรุงเทพฯวันนี้ เราคงต้องออกมาพูดถึงหัวข้อนี้แล้วจริงๆ

โดยคำนิยามของคำว่า อาหารพลานท์เบสต์ คืออาหารที่มีส่วนประกอบจากพืช 100% ซึ่งไม่รวมถึงน้ำผึ้ง และการนำคำว่า วีแกน มาใช้เป็นบางโอกาสนั้นสื่อถึงการใช้ชีวิตแบบมีจริยธรรมต่อชีวิตสัตว์ที่สูงขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการละเว้นการใช้เครื่องหนัง ขนสัตว์​ ผ้าไหม การทานน้ำผึ้ง หรือแม้กระทั่งการสนับสนุนการท่องเที่ยวสวนสัตว์ต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งพลานท์เบสต์และวีแกนมีจุดประสงค์ร่วมกันคือ ไม่รับประทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์โดยสิ้นเชิง

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในโลกออนไลน์ เมื่อผู้คนเริ่มได้ข่าวว่าทางแบรนด์ใหญ่อย่าง สตาร์บัคส์ ได้ออกเมนูพลานท์เบสต์ทั่วทวีปเอเซีย และวันนี้นี่เองที่เป็นวันแรกของการเปิดตัวเมนูนี้ในทุกสาขาในเมืองไทย

เมื่อดูเผินๆแล้ว เมนูนี้มีเครื่องดื่มจากพืชอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน ซึ่งใช้นมข้าวโอ๊ตยี่ห้อ Oatly (โอ๊ตลี่) มาเป็นส่วนประกอบ และยังมีแซนวิชที่ใช้เนื้อของบียอนด์มีทอีกด้วย

เมื่อเราสองคนได้เดินเข้าไปในร้านก็ค่อนข้างตื่นเต้นเลยทีเดียว ที่เห็นภาพโฆษณาที่ให้ความสำคัญกับเมนูจากพืชมาช่วยสร้างสีสันและความสดใสภายในร้าน

แต่เมื่อลองดูเมนูอย่างละเอียดแล้ว เราจึงได้ทราบว่าในแซนวิชที่โฆษณาว่าเป็นพลานท์เบสต์นั้น จริงๆแล้วมีชีสอยู่ด้วย แต่ความหวังว่าทางร้านได้นำชีสที่เป็นพลานท์เบสต์มาใช้ก็ต้องสลายเมื่อพนักงานได้แจ้งว่า ชีสที่ทางร้านใช้ เป็นชีสจากนมวัว ซึ่งทำให้เราถึงกับงงกันยกใหญ่เลยทีเดียว

และไหนๆเราก็เช็คเรื่องของชีสไปแล้ว เลยตัดสินใจลองถามถึงขนมปังที่นำมาใช้ด้วยเลย เลยต้องงงกันรอบสอง เมื่อน้องพนักงานแจ้งกลับมาว่าในขนมปังนั้นมีส่วนผสมของนมอยู่ด้วย สรุปแล้วก็คือ มีแค่ตัวเนื้อบียอนด์มีทเท่านั้น ที่เป็นส่วนประกอบจากพืชที่แท้จริง ส่วนที่เหลือนั้นไม่ใช่เลย

แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ เราสองคนคิดว่าไหนๆมาแล้วก็คงได้ลองเครื่องดื่มพลานท์เบสต์อร่อยๆหลายแก้วอยู่ และในเมนูของทางร้านก็ได้มีการนำเสนอเครื่องดื่มอยู่ 3 ชนิดที่น่าตาน่าลิ้มลองมากเลยทีเดียว ซึ่งก็มีโกโก้มัคคิอาโตใส่นมข้าวโอ๊ต โกโก้แฟรปปูชิโนใส่นมข้าวโอ๊ต และมัทฉะลาเต้ทีวาน่าเย็นใส่นมข้าวโอ๊ต

ในภาพของเครื่องดื่ม ตัวที่เป็นโกโก้แฟรปปูชิโนดูเหมือนจะมีวิปครีมอยู่ด้านบนด้วย เราเลยเอะใจ โดยเฉพาะเมื่อเราเพิ่งได้งงไปยกใหญ่กับเจ้าตัวแซนวิช เลยตัดสินใจลองถามพนักงานดูว่าวิปครีมที่ใช้นั้นเป็นแบบไหนกัน ซึ่งน้องก็ตอบมาเสียงดังฟังชัดว่า เป็นวิปครีมปกติของทางร้านที่ทำจากนมวัวค่ะ เราเลยถามไปว่า แล้วถ้าเลือกไม่ใส่วิปครีม ส่วนผสมที่เหลือจะเป็นพลานท์เบสต์ไหมเอ่ย พนักงานก็ยืนยันมาว่าใช่ค่ะ

อ่ะงั้นก็ตามนั้นไป สรุปว่าเราสั่งเครื่องดื่มมาลองทั้ง 3 ชนิดโดยขอใส่แก้วเพื่อนั่งทานในร้าน และก็ได้รับแจ้งจากพนักงานว่าทางร้านไม่มีแก้วแบบที่ใช้โฆษณาในรูป แต่มีเพียงแก้วพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งเท่านั้น

การที่ทางสตาร์บัคส์ใช้สื่อโฆษณาภายในร้าน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณรอบๆตัวร้าน หรือแม้กระทั่งบนพื้นที่เค้าน์เตอร์ ในเรื่องการร่วมรณรงค์การใช้ชีวิตแบบ “สีเขียว” หรือการลดการสร้างขยะ โดยแจ้งว่าทางร้านไม่ใช้ช้อนส้อมพลาสติก และหันมาใช้หลอดกระดาษแทนแล้ว แต่ในขณะเดียวกันทางร้านก็ไม่ได้มีตัวเลือกสำรองแทนการใช้แก้วพลาสติกสำหรับเครื่องดื่มเย็นไว้เลย ซึ่งจริงๆเป็นเมนูที่ขายดีที่สุดของทางร้านเลยด้วยซ้ำ และมีเพียงหลอดที่ผลิตจากพลาสติกชนิด PLA หรือเรียกันง่ายๆว่าพลาสติกชีวภาพนั่นเอง แต่ไม่ใช่หลอดที่ผลิดจากกระดาษเลย

เมื่อเราสองคนได้รับเครื่องดื่มที่สั่งมาแล้ว ก็ได้สังเกตเห็นว่ามีอยู่ 2 แก้วที่มีน้ำเชื่อมช็อกโกแลตอยู่ด้านบนด้วย เลยตัดสินใจลองถามพนักงานอีกรอบดูว่าน้ำเชื่อมตัวนี้เป็นชนิดพลานท์เบสต์หรือเปล่า ซึ่งพนักงานก็แจ้งกลับมาว่าเครื่องดื่มทั้ง 3 ตัวนั้นมีส่วนผสมของ “โกโก้” อยู่ด้วยซึ่งมีส่วนประกอบจากนมวัว และไม่ได้มีใครได้แจ้งให้เราทราบก่อนเลยถึงแม้ว่าจะได้แจ้งไปกับทางพนักงานก่อนหน้านี้แล้วว่าเราสองคนแพ้นมวัว (ต้องแจ้งไปแบบนี้เลยค่ะเพื่อความแน่ใจ)

ความตื่นเต้นของเราทั้งสองกับเมนูใหม่นี้หายไปในพริบตาเลยเมื่อได้ตระหนักว่าจริงๆแล้วไม่มีตัวไหนเลย ไม่ว่าจะเป็นแซนวิช หรือเครื่องดื่มทั้ง 3 ชนิด ที่เป็นเมนูพลานท์เบสต์อย่างแท้จริง เราจึงต้องรบกวนทางร้านให้ทำเครื่องดื่มให้ใหม่ทั้งหมด โดยเลือกไม่ใส่สวนผสมที่ทำมาจากสัตว์เลย และกว่าจะได้แบบที่ควรจะได้จริงๆ ก็ลองกันหลายรอบอยู่เหมือนกันค่ะ ซึ่งสุดท้ายแล้ว เครื่องดื่มที่เราได้มา ก็ไม่ได้มีความน่าตื่นเต้นหลงเหลืออยู่แล้ว เพราะต้องสละรสชาติต่างๆออกไป ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตหรือตัวโกโก้ที่ทางร้านใช้

(และถึงแม้ว่าเครื่องดื่มที่ได้มานั้นก็อร่อยอยู่ แต่ถ้าคิดดูดีๆแล้ว เรามาสั่งเครื่องดื่มลาเต้รสชาติต่างๆของทางร้านแล้วเปลี่ยนเป็นนมถั่วเหลืองก็ดีอยู่แล้วนะคะ)

แต่ในความผิดหวังครั้งนี้ก็ยังพอมีข้อดีอยู่บ้างค่ะ เมื่อเราได้สังเกตว่าเริ่มมีอาหารเจมาขายแล้ว เนื่องจากเริ่มใกล้ช่วงเทศกาลกินเจ และเราก็ได้คอนเฟิร์มกับทางพนักงานว่าทุกอย่าง เจ 100% จริงๆ

ในฐานะที่สตาร์บัคส์เป็นธุรกิจสากลระดับโลก เราเชื่อว่าทุกคนก็คงมีความคาดหวังว่าทางแบรนด์จะมีความเข้าใจความหมายและความสำคัญของวิถีจากพืช หรือ พลานท์เบสต์ มากกว่านี้ แต่เราค่อนข้างตกใจกับความเป็นจริงตรงหน้า เมื่อได้เห็นว่าเรื่องจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย

นอกจากการโปรโมทเมนูที่ทำให้เข้าใจผิด และมีเจตนาแฝงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำแล้ว อันดับแรกเลย คือความอันตรายที่จะเกิดกับผู้บริโภคที่มีอาการแพ้อาหารที่มีผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และยังเป็นการกระจายข้อมูลหรือความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีพลานท์เบสต์ที่เป็นเท็จอีกด้วย หากเราต้องการให้เมืองไทยก้าวทันโลกในเรื่องของวิวัฒนาการด้านอาหารจากพืช และรักษาความยั่งยืนให้กับทรัพยากรกับอุตสาหกรรมด้านอาหาร เราจะต้องช่วยกันพูดถึงเมนูอาหารที่มีเจตนาแฝงโดยการทำให้เข้าใจผิด และร่วมกันแบ่งปันความรู้ว่าอาหารจากพืชจริงๆแล้วคืออะไร ก่อนที่จะมีความเข้าใจผิดๆแบบนี้ไปเรื่อยๆจนสายเกินแก้

ช่วยกันแชร์บทความนี้และแท็กแบรนด์ของสตาร์บัคส์นะคะ เพื่อที่เขาจะได้ตระหนักถึงความผิดพลาดครั้งนี้ และลงมือแก้ไขเมนูนี้ให้มาเป็นเมนูจากพืช 100% อย่างแท้จริง

Follow Us:

Check out Bangkok's full list
of vegan restaurants:

Including menus, social media links & contact details!


In This Article

Latest

Mos Burger เปิดตัวเบอร์เกอร์แพลนต์เบสสุดเฮลตี้ ในประเทศไทย

…โอ้โห และมันก็อร่อยแบบตะโกน! เบอร์เกอร์ผักกาดแก้วมีความท้าทายในการหยิบขึ้นมาทานนิดหน่อย ฉะนั้นเนี่ยะต้องระวังไม่ให้เลอะเทอะหรือต้องใช้ช้อนส้อมช่วยนะ

USDA อนุมัติการขายเนื้อที่เพาะขึ้นในแล็บแล้ว… ทว่ามันวีแกนรึปล่าว?

นี่เป็นครั้งแรกสำหรับผู้บริโภคที่จะมีโอกาสในการจับจ่ายเนื้อไก่ที่เพาะขึ้นจากเซลล์ที่ผลิตในสถานประกอบการการผลิต ถือเป็นยุคใหม่แห่งวงการอุตสาหกรรมอาหาร

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Stay up to date with sustainability news!

Latest Posts

Mos Burger Chickpea
…โอ้โห และมันก็อร่อยแบบตะโกน! เบอร์เกอร์ผักกาดแก้วมีความท้าทายในการหยิบขึ้นมาทานนิดหน่อย ฉะนั้นเนี่ยะต้องระวังไม่ให้เลอะเทอะหรือต้องใช้ช้อนส้อมช่วยนะ
Cell-Based Chicken
นี่เป็นครั้งแรกสำหรับผู้บริโภคที่จะมีโอกาสในการจับจ่ายเนื้อไก่ที่เพาะขึ้นจากเซลล์ที่ผลิตในสถานประกอบการการผลิต ถือเป็นยุคใหม่แห่งวงการอุตสาหกรรมอาหาร
Scroll to Top