เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งห้ามนำและใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการังเข้าไปในอุทยานแห่งชาติของประเทศไทย ช่วยปกป้องแนวปะการังและสิ่งมีชีวิตทางทะเล
คำสั่งห้ามดังกล่าวมีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนที่ใช้ครีมกันแดดที่เป็นอันตรายลงว่ายน้ำในมหาสมุทร นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมกล่าวว่า “จากการศึกษาพบว่าสารเคมีหลายชนิดในผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดเป็นอันตรายต่อตัวอ่อนของปะการัง ส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์และทำให้เกิดปะการังฟอกขาว”
ประเด็นสำคัญ คือ หากไม่มีแนวปะการัง สิ่งมีชีวิตทางทะเลจะใกล้สูญพันธุ์ หากปราศจากสิ่งมีชีวิตทางทะเล ทั้งมหาสมุทรและต่อมามนุษยชาติก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
ความเสียหายจากสารเคมีเหล่านี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่แนวปะการัง ตามรายงานของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) ประมาณ 25% ของสัตว์ทะเลทั้งหมดอาศัยแนวปะการังในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต “มลพิษจากครีมกันแดดไม่เพียงส่งผลกระทบกับปะการังเท่านั้น แต่อาจส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนแนวปะการัง” Craig Downs นักนิติเวชพิษวิทยานิเวศกล่าวกับ CNN เมื่อถิ่นที่อยู่ของพวกมันถูกทำลาย ชีวิตของสัตว์เหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปชนิดที่ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีก
แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายใหม่นี้อย่างไร แต่ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับสูงสุด 100,000 บาท
ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3), Octinoxate (Ethylhexyl methoxycinnamate), 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC) และ Butylparaben จะถูกห้ามใช้ อธิบดีกล่าว
ผลิตภัณฑ์กันแดดที่ใช้ซิงค์ออกไซด์ ซึ่งพบในการศึกษาวิจัยว่าปลอดภัยสำหรับสัตว์ทะเล ได้รับการส่งเสริมให้เป็นทางเลือกหนึ่ง
แม้ว่านี่อาจเป็นการห้ามที่บังคับใช้ได้ยาก แต่นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความสำคัญของแนวปะการัง ชีวิตทางทะเล และสุขภาพโดยรวมของมหาสมุทร
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติ ความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการท่องเที่ยวก็อาจกลับมาอีกเช่นกัน นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ เราได้เห็นจุดท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว มหาสมุทรใสและสะอาดขึ้นและสิ่งมีชีวิตในทะเลมีชีวิตชีวามากขึ้น สิ่งสำคัญที่ต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอคือความยั่งยืนเป็นกุญแจสำคัญต่อสุขภาพในระยะยาวของสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ยิ่งกฎหมายการท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อมในภาคส่วนนี้ยั่งยืนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น!